การได้เห็น “เม่นแคระ” (Hedgehog) ขดตัวกลมๆ แลบจมูกฟุดฟิดออกมาทักทายนั้น เป็นอะไรที่น่ารักจนใจละลาย แต่ก่อนที่จะตัดสินใจรับสิ่งมีชีวิตสุดยูนีคนี้มาเป็นสมาชิกใหม่ของบ้าน เรา อยากจะชวนทาสหนามมือใหม่มาเตรียมความพร้อมกับ “การเลี้ยงเม่นแคระเบื้องต้น ข้อมูลที่ควรรู้” กันก่อน เพราะเบื้องหลังความน่ารักนั้น คือการดูแลที่ต้องใส่ใจในรายละเอียดอย่างมากครับ
1. ที่อยู่อาศัย: บ้านที่อบอุ่นและปลอดภัย
เม่นแคระต้องการพื้นที่ที่ปลอดภัยและกว้างขวางพอสมควรในการสำรวจ
- ประเภทของที่อยู่: นิยมใช้ กล่องพลาสติกทึบขนาดใหญ่ (อย่างน้อย 60-80 ลิตร) หรือกรงสำหรับสัตว์เล็กที่มีพื้นเรียบ ห้ามใช้กรงแบบซี่ลวด เพราะขาของเม่นอาจตกลงไปติดและได้รับบาดเจ็บได้
- วัสดุรองพื้น: ควรใช้วัสดุที่นุ่ม ไม่เป็นฝุ่น และปลอดภัย เช่น ขี้เลื่อยสำหรับสัตว์เลี้ยง (Aspen), Carefresh หรือวัสดุรองพื้นกระดาษ หลีกเลี่ยงขี้เลื่อยไม้สน (Pine) และไม้ซีดาร์ (Cedar) เพราะมีน้ำมันหอมระเหยที่เป็นอันตรายต่อระบบทางเดินหายใจ
- ของตกแต่งที่จำเป็น:
- บ้านหรือที่ซ่อน: เม่นแคระเป็นสัตว์ที่ขี้อายและต้องการที่หลบซ่อนเพื่อรู้สึกปลอดภัย
- ถ้วยอาหารและขวดน้ำ: ควรเลือกแบบที่มีน้ำหนักพอสมควรเพื่อไม่ให้ล้มง่าย
- วงล้อจักร: จำเป็นอย่างยิ่ง! เม่นแคระเป็นสัตว์ที่เดินทางไกลในตอนกลางคืน การมีวงล้อให้วิ่งจะช่วยปลดปล่อยพลังงานและป้องกันโรคอ้วนได้ วงล้อต้องมี พื้นเรียบ ไม่มีซี่ลวด และมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางอย่างน้อย 10-12 นิ้ว
- ถาดทราย: สามารถฝึกให้เม่นแคระขับถ่ายเป็นที่ได้ โดยใช้ทรายแมวแบบไร้ฝุ่น (Unscented)
2. อุณหภูมิ: เรื่องสำคัญ ห้ามมองข้ามเด็ดขาด!
นี่คือหัวใจของการเลี้ยงเม่นแคระเลยครับ! พวกเขาเป็นสัตว์ที่ไวต่ออุณหภูมิมาก
- อุณหภูมิที่เหมาะสม: ควรอยู่ที่ 24-28 องศาเซลเซียส ตลอดเวลา
- อันตรายจากอากาศเย็น: หากอุณหภูมิต่ำกว่า 22 องศาเซลเซียส เม่นแคระจะพยายามเข้าสู่ภาวะจำศีล (Hibernation) ซึ่ง เป็นอันตรายถึงชีวิต สำหรับเม่นแคระที่เลี้ยงในบ้าน เพราะร่างกายไม่ได้สะสมไขมันไว้เพียงพอ
- สิ่งที่ต้องมี: หลอดไฟเซรามิกให้ความร้อน (Ceramic Heat Emitter) พร้อมโคมและตัวควบคุมอุณหภูมิ (Thermostat) เพื่อควบคุมให้อุณหภูมิคงที่เสมอ โดยเฉพาะในห้องที่เปิดแอร์หรือช่วงที่อากาศเย็น
3. อาหารการกิน: นักล่าแมลงตัวจิ๋ว
ในธรรมชาติ เม่นแคระเป็นสัตว์กินแมลง (Insectivore) ดังนั้นอาหารหลักของพวกเขาจึงต้องมีโปรตีนสูง
- อาหารหลัก: อาหารแมวเกรดพรีเมียม ที่มีโปรตีนสูง (ประมาณ 30-35%) และไขมันต่ำ (10-15%) เป็นตัวเลือกที่หาได้ง่ายและมีสารอาหารครบถ้วน ควรเลือกเม็ดเล็กๆ เพื่อให้ง่ายต่อการกิน
- โปรตีนเสริม (ต้องมี): หนอนนกอบแห้ง, จิ้งหรีด, หรือแมลงอื่นๆ เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับพวกเขา ควรให้สัปดาห์ละ 3-4 ครั้ง เพื่อเสริมโปรตีนและกระตุ้นสัญชาตญาณตามธรรมชาติ
- ขนม (ให้น้อยๆ): สามารถให้เนื้อสัตว์ต้มสุก (ไม่ปรุงรส), ไข่ต้ม, หรือผลไม้ที่น้ำตาลน้อย เช่น แอปเปิล, กล้วย ได้เป็นครั้งคราวในปริมาณน้อยมากๆ
- อาหารต้องห้าม: นมวัว (ย่อยไม่ได้), อะโวคาโด, องุ่น, ลูกเกด, หัวหอม, กระเทียม, ช็อกโกแลต, และอาหารไขมันสูง
4. พฤติกรรมและนิสัยที่ควรรู้
- สัตว์หากินกลางคืน: เม่นแคระจะนอนหลับในตอนกลางวันและตื่นขึ้นมาวิ่งเล่น, กินอาหารในตอนกลางคืน อย่าแปลกใจถ้าตอนกลางวันเขาเอาแต่นอน
- การขดตัวเป็นลูกบอล: เป็นพฤติกรรมการป้องกันตัวเมื่อรู้สึกไม่ปลอดภัยหรือตกใจ
- การ “Anointing”: เมื่อเจอของหรือกลิ่นใหม่ๆ ที่ไม่คุ้นเคย เม่นแคระจะเลียหรือกัดสิ่งนั้นจนเกิดฟองน้ำลาย แล้วนำไปป้ายไว้บนหนามของตัวเอง เป็นพฤติกรรมปกติที่ยังไม่ทราบสาเหตุแน่ชัด
- การ “Quilling” หรือผลัดหนาม: เป็นกระบวนการที่ลูกเม่นจะผลัดหนามชุดแรกทิ้งไปเพื่อให้หนามชุดใหม่ที่แข็งแรงกว่าขึ้นมาแทน ซึ่งอาจทำให้พวกเขามีอาการหงุดหงิดได้
5. การสร้างความคุ้นเคย
- เริ่มต้นอย่างช้าๆ: ในช่วงแรกควรปล่อยให้เขาปรับตัวกับสภาพแวดล้อมใหม่ๆ ก่อน
- ใช้เวลาร่วมกันทุกวัน: อุ้มเขาขึ้นมาอย่างนุ่มนวล โดยใช้ผ้าขนหนูรองในช่วงแรก วางเขาไว้บนตักและพูดคุยด้วยเสียงเบาๆ
- ใช้เสื้อผ้าเก่า: นำเสื้อผ้าเก่าที่มีกลิ่นของเราใส่ไว้ในที่นอนของเขา จะช่วยให้เขาคุ้นเคยกับกลิ่นของเราได้เร็วขึ้น
การเลี้ยงเม่นแคระต้องอาศัยความเข้าใจในธรรมชาติที่ละเอียดอ่อนของพวกเขา แต่หากทาสหนามให้ความรักและการดูแลที่ถูกต้องแล้ว เจ้าตัวกลมขนแหลมนี้ก็จะเป็นเพื่อนตัวน้อยที่สร้างความสุขและรอยยิ้มให้กับเราได้อย่างแน่นอนครับ!